การกรีด
การกรีด หมายถึง การทำวัสดุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เป็นรอยแยก
หรือขาดออกจากกัน โดยใช้ของแหลมคมกดลงบนวัสดุนั้น แล้วลากไปตามความต้องการ
วัสดุและอุปกรณ์
1. พริกชี้ฟ้า
2. มีดแกะสลัก
3. เขียง
4. ถาดรอง
5. อ่างใส่น้ำ
6. ผ้าเช็ดทำความสะอาด
ขั้นตอนการทำ
1. ล้างพริกให้สะอาด ใช้มีดควั่นโดยรอบขั้วพริก อย่าให้ขาด
2. กรีดตามยาว จากโคนจรดปลาย
3.
ใช้ปลายมีดแคะเมล็ดพริกออก ระวังอย่าให้
กลีบขาด
4. ดึงเม็ดพริกที่ติดกับก้านออก
5. เจียนพริก ช่วงโคนให้มนและเว้นตรงกลาง แช่น้ำให้กลีบแข็ง
6. ใช้ปลายมีด เจาะพริก ให้ต่ำจากรอยเว้าเล็กน้อย
7. นำเมล็ดพริกที่ติดกับก้านมาใส่เป็นเกสร
8. เกสรเมื่อเสียบเสร็จแล้วดังรูป
การตัด การฝาน การเจียน การเซาะ
การตัด หมายถึง การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ซึ่งต้องการให้เป็นท่อนสั้นยาวตามต้องการ โดยใช้มือหนึ่งจับมีด
และอีกมือหนึ่งจับวัสดุวางบนเขียง แล้วกดมีดลงบนวัสดุให้ขาดออกจากกัน
การฝาน หมายถึง
การทำวัสดุสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เป็นแผ่นหรือชิ้นบาง
โดยใช้มือจับของไว้ในฝ่ามือหรือวางบนเขียง
แล้วใช้อีกมือหนึ่งจับมีดกดลงบนของนั้นให้ตรง มีความบางมากหรือน้อยตามต้องการ
การเจียน หมายถึง
การทำให้รอบนอกของวัสดุสิ่งใดสิ่งหนึ่งเรียบไม่ขรุขระ หรือเป็นรูปทรงต่างๆ
การเซาะ หมายถึง
การทำให้เป็นรอยลึกหรือรอยกว้าง เช่น เซาะเป็นรอยตามประสงค์
โดยใช้มือข้างหนึ่งจับวัสดุนั้น แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับมีด
ให้ทางคมกดกับวัสดุนั้น ไถไปด้วยความเร็วเพื่อให้วัสดุขาดและเรียบ
วัสดุและอุปกรณ์
1. แตงร้าน
1. แตงร้าน
2. มีดแกะสลัก
3. เขียง
4. ถาดรอง
5. อ่างใส่น้ำ
6. ผ้าเช็ดทำความสะอาด
ขั้นตอนการทำ

1. ตัดแตงร้านให้เป็นเส้นเฉียง (การตัด)

2. ตัดแตงร้านให้ขาดออกจากกัน
3. ฝานเมล็ดออก (การฝาน)

4. ตัดตกแต่งแตงร้านให้เป็นรูปใบไม้ เจียนตกแต่งใบไม้ให้บาง (การเจียน)
5. เซาะร่องเส้นกลางใบ ให้เป็นแนวคู่
6. เซาะเส้นกลางใบ ให้ปลายแหลม (การเซาะ)
7. หยักริมใบทั้งสองข้าง
8. ใบไม้ที่พลิ้วที่สำเร็จ ใบจะมีลักษณะโค้งเล็กน้อย
ปลายใบดูอ่อนไหว ตามธรรมชาติ
การเกลา การแกะสลัก
การเกลา หมายถึง
การตกแต่งวัสดุที่ยังไม่เกลี้ยงให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น โดยใช้มีดนอนหันคมออก
ฝานรอยที่ขึ้นเป็นสันและขรุขระให้เกลี้ยง
การแกะสลัก หมายถึง
การทำวัสดุสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกจากกัน หรือใช้เครื่องมือที่แหลมคม กดทางคมลง
บนวัตถุนั้นตามความประสงค์เป็นลวดลายสวยงามต่างๆ
หรือการใช้เล็บมือค่อยๆแกะเพื่อให้หลุดออก
วัสดุและอุปกรณ์
1. ฟักทอง
2. มีดแกะสลัก
3. เขียง
4. ถาดรอง
5. อ่างใส่น้ำ
6. ผ้าเช็ดทำความสะอาด
ขั้นตอนการทำ
2. เกลาชิ้นฟักทอง ให้มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม
3. แกะสลักเกสรโดยใช้มีดปัก 90 องศา และปาดเนื้อออก
4. แกะสลักเกสรหันปลายกลีบเข้าหาจุดศูนย์กลาง ปาดเนื้อกลางกลีบให้เป็นร่อง
3. แกะสลักเกสรโดยใช้มีดปัก 90 องศา และปาดเนื้อออก
4. แกะสลักเกสรหันปลายกลีบเข้าหาจุดศูนย์กลาง ปาดเนื้อกลางกลีบให้เป็นร่อง
5. แบ่งระยะกลีบ ปาดเนื้อกลางกลีบให้เป็นร่อง และแกะสลักกลีบให้ปลายแหลม
6. ดอกรักเร่กลีบด้านข้าง จากโค้งเล็กน้อย มีปลายแหลม ปาดเนื้อใต้กลีบออกทุกครั้ง กลีบจึงจะเด่น
7. แกะสลักกลีบชั้นต่อไป
ให้สับหว่าง เช่นนี้จนจบ
6. ดอกรักเร่กลีบด้านข้าง จากโค้งเล็กน้อย มีปลายแหลม ปาดเนื้อใต้กลีบออกทุกครั้ง กลีบจึงจะเด่น

8. ดอกรักเร่ที่สำเร็จ
จะเป็นดั่งรูป

1. ตัดแตงร้านส่วนปลาย แบ่งออกเป็น 3 กลีบ ใช้มีดคว้านไส้ออก (การคว้าน)
2. ใช้มีดเจียนกลีบให้ปลายมน
3. จักริมกลีบให้เป็นฟันปลา
การคว้าน
การคว้าน หมายถึง การทำวัสดุซึ่งมีส่วนเป็นแกนหรือเมล็ดให้ออกจากกัน
โดยใช้เครื่องมือที่มีปลายแหลมและคมแทงลงตรงจุดที่ต้องการคว้าน แล้วขยับไปรอบๆ
จนแกนหลุดค่อยๆ แคะหรือดุนออก เช่นการคว้านเงาะ
การฝึกทักษะ การคว้าน (การแกะสลักแตงร้านเป็นดอกทิวลิป)
วัสดุและอุปกรณ์
1. แตงร้าน
1. แตงร้าน
2. ต้นหอม
3. มีดแกะสลัก
4. เขียง
5. ถาดรอง
6. อ่างใส่น้ำ
7. ผ้าเช็ดทำความสะอาด
ขั้นตอนการทำ

1. ตัดแตงร้านส่วนปลาย แบ่งออกเป็น 3 กลีบ ใช้มีดคว้านไส้ออก (การคว้าน)
2. ใช้มีดเจียนกลีบให้ปลายมน
3. จักริมกลีบให้เป็นฟันปลา
4. เจาะกลีบเล็กในกลีบใหญ่ ให้โค้งตามกลีบรอบนอก
5. ใช้ปลายมีดกดกลีบเล็กเข้าด้านใน นำไปแช่น้ำให้กลีบบาน
6. ตัดใบหอมทำเกสร ยาวพอประมาณกรีดให้เป็นเส้นฝอยแช่น้ำให้บาน
นำมาวางตรงกลางดอกเป็นเกสร
การเลือกซื้อผักและผลไม้ที่ใช้ในงานแกะสลัก
1. เลือกตามฤดูกาลที่มี จะได้ผักและผลไม้ที่มีปริมาณให้เลือกมาก
มีความสดและราคาถูก
2. เลือกให้ตรงกับความต้องการหรือวัตถุประสงค์ในงานแกะสลัก เช่น
เพื่อการปอก คว้าน เพื่อการรับประทาน เพื่อการตกแต่งหรือเพื่อเป็นภาชนะ
3. เลือกผักและผลไม้ที่สด และสวยตามลักษณะของผักและผลไม้ที่แกะสลัก
4. เลือกให้มีขนาดและรูปทรงเหมาะสมกับผลงานที่จะแกะสลัก
การเลือกซื้อตามชนิด และการดูแลรักษาผัก-ผลไม้
แตงกวา เลือกผิวสดสีเขียวปนขาวไม่เหลือง สามารถนำมาแกะสลักได้หลายรูปแบบ เช่น กระเช้าใส่ดอกไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เมื่อแกะเสร็จให้ล้างด้วยน้ำเย็นใส่กล่องแช่เย็นไว้ หรือใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้จะได้สดและกรอบ
แตงกวา เลือกผิวสดสีเขียวปนขาวไม่เหลือง สามารถนำมาแกะสลักได้หลายรูปแบบ เช่น กระเช้าใส่ดอกไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เมื่อแกะเสร็จให้ล้างด้วยน้ำเย็นใส่กล่องแช่เย็นไว้ หรือใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้จะได้สดและกรอบ
มะเขือเทศ เลือกผลที่มีผิวสด ขั้วสีเขียว นำมาแกะสลักเป็นดอกไม้ หรือปอกผิวนำมาม้วนเป็นดอกกุหลาบ เมื่อแกะเสร็จควรล้างด้วยน้ำเย็น ใส่กล่องแช่เย็น
มะเขือ เลือกผลที่มีผิวเรียบ ไม่มีรอยหนอนเจาะ ขั้วสีเขียวสด นำมาแกะเป็นใบไม้ ดอกไม้เมื่อแกะเสร็จควรแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำมะขาม จะทำให้ไม่ดำ
แครอท เลือกสีส้มสด หัวตรง นำมาแกะเป็นดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ต่างๆ เมื่อแกะเสร็จให้แช่ไว้ในน้ำเย็น
ขิง เลือกเหง้าที่มีลักษณะตามรูปร่างที่ต้องการ แกะเป็นช่อดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ เมื่อนำขิงอ่อนไปแช่ในน้ำมะนาวจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูสวย
มันเทศ เลือกหัวที่มีผิวสด ไม่มีแมลงเจาะ แกะเป็นรูปสัตว์ต่างๆ แกะเสร็จแล้วนำไปแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำมะขาม ผิวจะได้ไม่ดำ
เผือก เลือกหัวใหญ่กาบสีเขียวสด นำมาแกะเป็นภาชนะใส่ของ หรืออาหาร ดอกไม้ ใบไม้ เมื่อแกะเสร็จให้นำไปแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำมะขามจะทำให้มีสีขาวขึ้น
ฟักทอง เลือกผลแก่เนื้อสีเหลืองนวล นำมาแกะเป็นภาชนะ ดอกไม้ ใบไม้ หรือสัตว์ต่างๆ แกะเสร็จแล้วให้ล้างน้ำแล้วใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้
มันฝรั่ง เลือกผิวสด นำมาแกะเป็นใบไม้ ดอกไม้ สัตว์ต่างๆ เมื่อปอกเปลือกแล้วให้แช่ไว้ในน้ำมะนาวจะได้ไม่ดำ
แตงโม เลือกผลให้เหมาะกับงานที่ออกแบบไว้ นำมาแกะเป็นภาชนะแบบต่างๆ เมื่อแกะเสร็จให้ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้
เงาะ นำมาคว้านเอาเมล็ดออก ใช้วุ้นสีสันต่างๆ หรือสับปะรด หรือเนื้อแตงโม ยัดใส่แทน เมื่อแกะเสร็จให้นำไปแช่เย็น
ละมุด เลือกผลขนาดพอดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ไม่สุกงอม แกะเสร็จให้นำไปแช่ในตู้เย็น
สับปะรด เลือกผลใหญ่ ไม่ช้ำ แกะเป็นพวงรางสาดได้สวยงาม แกะเสร็จให้ล้างด้วยน้ำเย็นและนำไปแช่เย็น
ส้ม เลือกผลใหญ่ แกะเป็นหน้าสัตว์ เช่น แมวเหมียว
น้อยหน่า เลือกผลใหญ่ไม่งอม นำมาคว้านเอาเมล็ดออก แกะเสร็จนำไปแช่เย็น
หลักการดูแลรักษาผักและผลไม้ก่อนและหลังการแกะสลัก
ผักและผลไม้ที่ใช้ในงานแกะสลักมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป
จึงควรได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนแกะสลัก
ในระหว่างการแกะสลักและหลังการแกะสลัก เพื่อให้มีสภาพที่น่ารับประทาน
ตลอดจนสงวนคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษาดังนี้
1. ผักและผลไม้ที่ซื้อมาต้องล้างให้สะอาดก่อนนำไปแกะสลัก
ไม่ควรแช่ผักผลไม้ไว้ในน้ำนานเกินไป เพราะจะทำให้ผักและผลไม้เน่าและช้ำง่าย เมื่อแกะสลักเรียบร้อยแล้ว
ควรแยกผักและผลไม้ที่เก็บไว้เป็นประเภท
2. การป้องกันผักและผลไม้ที่มีลักษณะรอยดำหรือเป็นสีน้ำตาลตามกลีบที่ถูกกรีด
อาจจุ่มน้ำเปล่าที่เย็นจัด น้ำเกลือเจือจาง หรือน้ำมะนาว
เพื่อช่วยชะลอการเกิดรอยดำหรือสีน้ำตาล
3. ผักและผลไม้ที่แกะสลักเรียบร้อยแล้วควรล้างน้ำเย็นจัด
แล้วจึงนำไปจัดตกแต่งหรือนำไปถนอมอาหารเพื่อใช้ในโอกาสต่อไป
ถ้ายังไม่ใช้งานควรเก็บใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุง หรือเก็บใส่กล่องปิดฝาให้สนิท
นำไปเก็บในตู้เย็น
4. เมื่อจัดงานแกะสลักใส่ภาชนะเรียบร้อยแล้ว
ให้คลุมด้วยพลาสติกห่ออาหารแล้วนำไปเก็บในตู้เย็น
ประโยชน์ของงานแกะสลักผักและผลไม้
1. เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
1.1 จัดตกแต่งผักและผลไม้ให้สวยงามน่ารับประทาน
1.2 จัดแต่งให้สะดวกแก่การรับประทาน
2. เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ
เช่น
2.1 งานประเพณีต่างๆ
นิยมจัดตกแต่งอาหารคาวหวานให้สวยงาม เพื่อเลี้ยงพระหรือรับรองแขก เช่น งานบวชนาค
งานแต่งงาน งานวันเกิด งานฉลองแสดงความยินดี
2.2 งานวันสำคัญ
เช่น งานปีใหม่ หรือแกะสลักผลไม้เชื่อม/แช่อิ่ม ใส่ภาชนะที่เหมาะสมใช้เป็นของขวัญ
ของฝาก ไปกราบญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ
2.3 งานพระราชพิธีต่างๆ
3. เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ
เช่น เป็นช่างแกะสลักผักและผลไม้ตามร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม
หรือบนสายการบินระหว่างประเทศ
4. เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไทย
5. เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย
6. เพื่อให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการคิดรูปทรง
และลวดลายที่แปลกใหม่โดยจัดประกวดการแกะสลักผักและผลไม้ในหัวข้อต่างๆ
7. ทำให้ผู้แกะสลักเกิดความภาคภูมิใจในผลงานและได้รับการยกย่องสร้างงานและรายได้